วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556








My name is  Mr. Watchira  Song-autha


My nickname is  ( ESSO )
My Birthday is on June  9  1991
I'm  21 years old
I was born in  Kosumphisai  District  
Maha Sarakham  Province
I'm   170  cm.
I'm   67  km.
I study in   English  Program  of  Education 
Rajabhat  Maha  Sarakham  University
my address is  75
/ 1  Ban Kaeng Kea  
Kosumpisai  District  Maha  Sakham  province
my hobby is  play game
my favorite color is  blue
my favorite sport is  football
Future, I want to be a  teacher
Moral  precept  >> Be tough minded but tenderhearted. 





ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน

การทักทาย (Greetings)
การทักทาย คำทักทายที่ควรทราบมีดังนี้
Good morning สวัสดี (เช้าถึงเที่ยงวัน)
Good afternoon สวัสดี (หลังเที่ยงวันถึงช่วงเย็น)
Good evening สวัสดี (ช่วงเย็นถึงกลางคืน)
Good day สวัสดี (ตลอดวัน)
Hello/Hi สวัสดี (เพื่อนหรือคนรู้จักทั่วไป)
การสอบถามทุกข์-สุข สำนวนที่ใช้สอบถามว่าสบายดีหรือ ได้แก่
How are you? (เน้นเรื่องสุขภาพ)
How are you going? (อังกฤษ) How are you doing? (อเมริกัน)
How’s it going? (เน้นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน)
How have you been? (ในกรณีนาน ๆ เจอกันที)
How’s your life?
How’s everything?
How are things (with you)?
การตอบ ตัวอย่างการตอบ ได้แก่
(I'm) fine, thanks. And you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Good. สบายดี
Very well สบายดีมาก
I'm O.K. ก็ดี
So so. ก็งั้น ๆ
Not (too) bad ก็ไม่เลว
Great! เยี่ยม, วิเศษ
การอำลา (Leave Taking)
การอำลา ตัวอย่างคำกล่าวลา ได้แก่
See you again….. พบกันใหม่ ….. (เป็นทางการ) เช่น
(เช่น See you again tomorrow/next time/next week/next month/next year/on Monday. เป็นต้น)
See you later/soon/then. เดี๋ยวเจอกันนะ
Have a nice day/time. โชคดีนะ/วันนี้ขอให้มีความสุขนะ
Have a nice holiday. ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะ
Have a nice weekend. ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์นะ
Have a good time. ขอให้มีความสุขนะ/ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ
Have a good/nice trip ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ
Take care (of yourself) ดูแลตัวเองด้วย/รกษาเนื้อรักษาตัวด้วย ั
Sweet dreams / Sleep well ฝันดีนะ/นอนหลับให้สบายนะ
Good luck./Be successful. โชคดี/ขอให้ประสบความสำเร็จ
Good night. ราตรีสวัสดิ์/ไปแล้วนะ (ใช้ลาตอนกลางคืน)
Goodbye/Bye ไปแล้วนะ/ไปล่ะ
การแนะนำตนเองและผู้อื่น (Introducing Oneself and Others)
การแนะนำตนเอง
Let me introduce myself. ขอแนะนำตัวเอง
May I introduce myself? ขอแนะนำตัวเอง
I’m/My name’s Udom Chaiyo. ผมชื่ออุดม ไชโย
I'm Thai. ฉันเป็นคนไทย
I'm from Thailand. ผมมาจากประเทศไทย
I'm a student at …….. College. ฉันเป็นนักเรียนที่วิทยาลัย …..
I study at …………… College. ผมเรียนอยู่ที่วิทยาลัย …..
I’m teaching at …………… College. ผมสอนอยู่ที่วิทยาลัย …..
I’m a teacher of ….. at ….. College. ผมเป็นครูวิชา ….. ที่วิทยาลัย …..
I work at ….. College. ฉันทำงานที่วิทยาลัย …..
I live in Chonburi. ผมอยู่ชลบุรี
I'm in the first year. ผมอยู่ปี 1
I'm a second year student. ฉันเป็นนักเรียนปี 2
I study ………………. ผมเรียนสาขา ……..
My field of study is …………. สาขาวิชาที่ผมเรียนคือ …………
My college is in Rayong. วิทยาลัยฉันอยู่ที่ระยอง
อื่น 
Certificate of Vocational Education ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
Diploma of Vocational Education ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
การแนะนำผู้อื่น
This is Peter. นี้คือปีเตอร์
I'd like you to know Peter. ผมอยากให้คุณรู้จักปีเตอร์
I'd like to introduce you to Wanna. ผมอยากแนะนำคุณให้รู้จักวรรณา
I want to introduce my friend May. ผมอยากจะแนะนำเมย์เพื่อนผม
I want you to meet my friend John. ผมอยากให้คุณพบจอห์นเพื่อนผม
Here's Sawat and that's Suphon. นี่สวัสดิ์ และนั่นสุพล
คำแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก ได้แก่
(It’s) nice/good to meet/see you.
(I’m) pleased to meet/see you.
(I'm) glad to meet/see you.
It's a pleasure to meet you.
การตอบ ให้เพิ่มคำว่า too ที่หมายถึง 'เช่นเดียวกัน’ เช่น
Nice to see you, too. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกัน
การให้และขอข้อมูลส่วนบุคคล (Giving and Asking for Personal Information)
ข้อมูลส่วนตัว
How old are you? คุณอายุเท่าไร
(I'm) seventeen. ผมอายุ 17 ปี
How tall are you? คุณสูงเท่าไร
I'm 170 centimeters tall. ฉันสูง 170 ซ.ม.
How much do you weigh? คุณหนักเท่าไร
(I weigh) 65 kilograms. (ผมหนัก) 65 กิโลกรัม
ข้อมูลครอบครัว
How many people are there in your family? มีกี่คนในครอบครัวคุณ
How many brothers and sisters do you have? คุณมีพี่น้องกี่คน
I have 2 brothers/sisters. ผมมีพี่น้องผู้ชาย/หญิง 2 คน
I don't have any brothers or sisters. ผมไม่มีพี่น้องเลย
There are 7 people in my family. ครอบครัวผมมี 7 คนด้วยกัน
My grandparents live with us. ปู่ ย่า (ตา ยาย) อยู่กับเราด้วย
What does your father do? พ่อคุณทำงานอะไร
My father is a teacher. พ่อผมเป็นครู
Does your mother work? แม่คุณทำงานหรือเปล่า
She works with government. แม่เป็นข้าราชการ
She doesn't work. แม่ไม่ได้ทำงาน
What do you want to be (in the future)? คุณอยากเป็นอะไร (ในอนาคต)
I want to be a pilot. ผมอยากเป็นนักบิน
I haven't decided yet. ยังไม่ได้ตัดสินใจ
การขอบคุณ (Thanking)
การขอบคุณ สำนวนที่ใช้ในการขอบคุณ ได้แก่
Thanks you (very much). ขอบคุณ (มาก)
Thanks (a lot). ขอบใจ (มาก)
Thank you for …………….. ขอบคุณสำหรับ เช่น
Thank you for your present. ขอบคุณสำหรับของขวัญ
Thank you for everything. ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
Thank you for your help. ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
I really appreciate that. ผมรู้สึกประทับใจจริง ๆ
การตอบรับคำขอบคุณ
You’re welcome. ไม่เป็นไร
Don't mention it. ไม่เป็นไร
Not at all. ไม่เป็นไร
It's nothing. ไม่เป็นไร
That's all right. / That's O.K. ไม่เป็นไร
(It's) a pleasure. ด้วยความยินดี
My pleasure./With pleasure. ด้วยความยินดี
Don’t worry (about it). อย่ากังวลไปเลย
No problem. ไม่มีปัญหา
การขอโทษ (Apologizing)
การขอโทษ สำนวนที่ใช้ในการขอโทษ ได้แก่
I’m sorry. ผมขอโทษ
I’m sorry. I’m late. ขอโทษที่มาช้า
I’m sorry I troubled you. ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก
Excuse me, please. ขอโทษครับ/ค่ะ
Excuse me for interrupting. ขอโทษที่รบกวน
Excuse me for a moment. ขอโทษขอเวลาสักครู่
การให้อภัย สำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษ
That’s all right. ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ)
Don’t worry (about it). อย่ากังวลไปเลย
No problem. ไม่มีปัญหา
That's O.K. หรือ I'm O.K. ไม่เป็นไร หรือ ผมไม่เป็นไร

การถามเวลา (Asking for Time)

การถาม
Excuse me. What time is it? ขอโทษครับ กี่โมงแล้วครับ
Could you tell me the time, please? ขอโทษครับกี่โมงแล้ว
Do you have a time? กี่โมงแล้ว (คุณมีนาฬิกาไหม)
การตอบ
(It's) seven o'clock. 7 นาฬิกา
Six twenty/Twenty past six 6.20
Five to four/Three fifty-five 3.55
A quarter past eight/Eight fifteen 8.15
Half past ten/Ten thirty 10.30
A quarter to ten/Nine forty-five 9.45
Noon เที่ยงวัน
Midnight เที่ยงคืน
In the morning ตอนเช้า
In the afternoon ตอนบ่าย
In the evening ตอนเย็น
At night ตอนกลางคืน
การถามชื่อ ที่อยู่และการเรียน (Asking about Name, Address, Study and Work)

การถามชื่อ

What’s your name? คุณชื่ออะไร

What’s your surname? นามสกุลอะไร

(family name, last name, second name = นามสกุล)

การถามที่อยู่
Where are you from? คุณมาจากไหน
Where do you come from? คุณมาจากไหน
Where do you live? คุณอยู่ที่ไหน
Where are you staying now? ตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหน
What is your village? คุณอยู่หมู่บ้านอะไร
What’s your address? ที่อยู่ของคุณคืออะไร
Could I/May I have your address? ขอทราบที่อยู่ของคุณได้ไหม
Could you tell/give me your address? กรุณาบอกที่อยู่ของคุณได้ไหม
Could you write your address for me? กรุณาเขียนที่อยู่ของคุณได้ไหม
การถามเกี่ยวกับการเรียน
What do you study? คุณเรียนอะไร
Where do you study? คุณเรียนที่ไหน
What is your school? โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหน
What school are you in? คุณอยู่โรงเรียนอะไร
What year are you in? คุณอยู่ปีไหน/ชั้นอะไร
Do you have a part-time job? คุณมีงานพิเศษหรือเปล่า
การถามทิศทาง (Asking for Directionx)
การถามทิศทาง
Excuse me. ขอโทษครับ (ใช้เริ่มก่อนการถาม)
Do you know where …… is? คุณรู้ไหมว่า ……. อยู่ที่ไหน
Do you know where Michael is? คุณรู้ไหมว่า ไมเคิลอยู่ที่ไหน
Do you know where the toilet is? คุณรู้ไหมว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน
Do you know the way to….? คุณรู้จักทางที่จะไป .. ไหม
Where is the nearest public telephone? โทรศัพท์สาธารณะใกล้ทีสุดอยู่ที่ไหน
How can I get to…..? ไม่ทราบว่าผมจะไป …. ได้อย่างไร
การบอกทิศทาง
Turn left. / Turn right. เลี้ยวซ้าย / เลี้ยวขวา
On the left. / On the right. ทางซ้าย / ทางขวา
Go straight. ตรงไปข้างหน้า
Go straight on./Go ahead. ตรงไปข้างหน้า
Go past. / Walk past. เดินผ่านไป
Keep going until you get to…. เดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง…..
Take the first/second turn. เลี้ยวที่แยกแรก / แยกที่สอง
It's near/close to ….. มันอยู่ใกล้กับ
It's not far from here. ไม่ไกลจากที่นี่
It's very far from here. มันไกลจากที่นี่มาก
It's 5 kilometers from here. มันอยู่ห่างจากนี่ 5 กิโลเมตร
It's about 500 meters away from here. มันอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 500 เมตร
การสอบถามเรื่องสุขภาพ (Asking about Health)


คลิก ทำแบบฝึกหัด


วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ


มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนต้องมีความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์อย่างสมดุลกัน เพื่อให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษน่าสนใจ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษสอนอย่างไรให้ได้ผล  " ถ้าไม่มีความรู้ด้านไวยากรณ์ เราก็จะสื่อสารได้ไม่มาก
       1. บทบาทของคำศัพท์ในการสอนภาษา  การสอนคำศัพท์โดยมีจุดหมายให้ผู้เรียนนำไปสื่อสารได้ ผู้เรียนต้องมีความรู้คำศัพท์ อย่างลึกซึ้งในเรื่องต่อไปนี้
              - สารมารถออกเสียงได้ถูกต้อง
              - สามารถสะกดคำได้ถูกต้อง
              - ใช้คำศัพท์ร่วมกับคำอื่นได้
              - สามารถจดจำได้ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน
              - สามารถนึกคำศัพท์ได้ทันทีที่เวลาต้องการพูด
              - สามารถนำคำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆได้
              - สามารถใช้คำศัพท์ได้ถูกหลักไวยากรณ์
              - สามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์
       2. เทคนิคการสอนคำศัพท์       
              - สอนโดยการสาธิต ใช้ท่าทางประกอบ
              - สอนโดยใช้สื่อ เช่น รูปภาพ หุ่นจำลอง ของจริง แผ่นใส เขียนบนกระดานดำ
              - อธิบายด้วยคำพูด เช่น การใช้คำเหมือน การใช้คำตรงกันข้าม
       3. แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ เช่น
              - cross word
              - Matching word and definition exercise
              - Vocabulary game and activities
            การสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้ผล ผู้สอนใช้กลวิธีการสอนดังกล่าวข้างต้นและต้องกระทำอย่างต่อเนื่องทั้งในเวลาปกติในห้องเรียนและนอกห้องเรียน อาจจัดเป็นมุม Vocabulary เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีความสุขมากขึ้น
            การจัดกิจกรรมทบทวนคำศัพท์  ทำได้โดย ทบทวนคำศัพท์เดิม ทบทวนการใช้คำศัพท์แต่งประโยค แต่งเรื่อง โดยให้แต่งให้เป็นปริศนา  สำหรับใช้ทายคนอื่น  (ผู้สอนคววรเตรียมสื่อเสริมด้วย) ผู้เรียนจะมีโอกาศฝึกกระบวนการคิดทั้ง 3 ขั้นตอน จะต้องบูรณาการร่วมกับวิชาศิลปะ  ในการตกแต่งชิ้นงาน หรือทำภาพเฉลย  ชิ้นงานอาจเป็นแผ่นพับ หนังสือเล่มเล็ก เช่น
 pogsmallbook.pdf
I am a ball.pdf
I am a banana.pdf
I am a bed.pdf
I am a camel.pdf
I am a machine.pdf
I am a nose.pdf
I am a pencil.pdf
I am a teacher.pdf
I am a water melon.pdf
 ทดลองทายในห้องเรียน และในการอบรมเข้าค่ายทักษะกระบวนการเรียนรู้  เป็นที่สนใจและทำให้ผู้เรียนเข้าใจได้ว่า  ถ้าจะสร้างเป็นปริศนาคำทายเพื่อทายคนอื่นบ้างจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์พอสมควร
small book look up เช่น

การใช้ คำเชื่อม Conjunction


การใช้  Conjunction (คำเชื่อมประโยค)  
โดย อาจารย์  ชริโศภณ  อินทาปัจ

so that, in order to, in order that   =  เพื่อที่จะ.....

I go to university so that I study.

I go to university in order to study.

however, although, though, even though, = ถึงแม้ว่า   แม้ว่า

 I go to the sea however I don’t want to swim.

I study hard even though I don’t pass the exam.


as……as  =  เหมือนกัน    เท่ากันกับ....

English is as difficult as calculus.


as if,  as though  =  ราวกับว่า

She is beautiful as if an angle.





both…….and, = ทั้ง.......และ 
 not only……but also =  ไม่เพียงแต่......แต่ยัง......

Jane can speak both Mandarin and Japanese.

Jane can not only speak Mandarin but also Japanese and English.


either…….or  =  ไม่.........ก็

Either I or you have to present our project.


neither……..nor =    ไม่..........และ

Neither you nor I present our project.


so……..that               =     มากจนกระทั่ง

The tea is so hot that I can’t drink it.

No matter how   = ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
No matter what   =  ไม่ว่าอะไรก็ตาม
No matter where =  ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม

No matter where you are, I will be there.
so far =  จนบัดนี้

I have been in Thailand so far.